คุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบเข้าร้านเสริมสวยหรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างงั้นไม่ว่าคุณจะไปอยู่ที่ไหนก็ตามสิ่งหนึ่งที่คุณต้องทำและลองก็คือการหาทางใช้บริการร้านเสริมสวย ไม่ว่าจะแพงหรือร้านจะหายากขนาดไหนไม่เป็นไรแต่ผู้หญิงทุกคนก่อนใช้บริการร้านเสริมสวยขอเพียงมั่นใจว่าเมื่อตัดเสร็จแล้วต้องสวยแน่ใช่หรือเปล่าค่ะ เต็มใจจ่ายอยู่แล้ว น้อยไปซะอีกกับการลงทุนเกี่ยวกับความสวยงาม
ใครจะว่าไงไม่สำคัญ แต่สำหรับดิฉันที่ผ่านการรับราชการมา 8 ปีเลยได้ข้อสรุปว่าบุคลิกภาพดีเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะทรงผมนั่นเอง นี่เองเป็นสาเหตุที่ดิฉันต้องเข้าร้านเสริมสวย(ตัดผม)เดือนละครั้งเมื่อครั้งอยู่เมืองไทย ดังนั้นเมื่อดิฉันได้เดินทางมาถึงเมืองพารานสีแห่งนี้ไม่กี่เดือน ทุกครั้งไม่ว่าจะปั่นจักรยานหรือนั่งรถผ่านเส้นทางใดจะต้องมองหาร้านเสริมสวยทุกครั้งไป แต่ด้วยในเวลานั้นความสามารถในการสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษค่อนข้างยากจน (แขกว่าประจำ you are very poor) จึงเป็นอุปสรรคอย่างมากในการค้นหาร้าน และแล้วความพยายามของดิฉันก็เป็นผลโดยไม่ทันตั้งตัว เมื่อมีหมอต่างชาติคนหนึ่งที่อยู่หอพักเดียวกัน ได้ไปเปลี่ยนทรงผมใหม่ ดูเก๋ไก๋เข้ากับใบหน้าของเธอมาก ซึ่งเป็นสไตล์ที่ดิฉันชอบพอดี ถึงแม้ English is very poor ก็ไม่สนใจยังไงต้องถามให้รู้ถ้าไม่เข้าใจเราก็มีอีกภาษาหนึ่งก็คือ body language น่าจะช่วยอธิบายได้ดีกว่าภาษาอังกฤษนะ ด้วยความใจดีของเธอบวกกับความสามารถในการสื่อสารของดิฉันจึงได้ความว่าตัดที่ร้านไหน พร้อมแผนที่ แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือบอกช่างตัดผมแค่เพียงว่า very short และจ่ายเงินไม่เกิน 90 รูปีย์ ดิฉันเริ่มประทับใจแล้วสิ ร้านตัดผมอะไรตัดผมได้สวยแล้วไม่แพงด้วย very short ท่องไว้ไปบอกช่างตัดผมนะ (บอกตัวเอง)
ด้วยความที่เสาะหามานานได้โอกาสแล้วจึงรีบชวนเพื่อนคนไทยร่วมห้องไปเป็นเพื่อน เพราะว่าเพื่อนน่าจะพาไปถูกกว่าไปคนเดียวเพราะเธออยู่อินเดียมานานกว่าดิฉัน และแล้วก็ไปเจอร้านนั้นจนได้ ในความคิดของดิฉันตอนนั้น “โอ้โห ร้านจัดสวย ดูดีผิดร้านเสริมสวยทั่วไปในเมืองนี้ เหมาะสมที่จะตัดผมเราจริง ๆ” เมื่อเดินเข้าไปในร้าน ก็พบว่ามีช่างเสริมสวย หน้าตาสวย น่ารัก ขาว ใส แต่งตัวทันสมัย เหมือนคนจีน เพื่อนสันนิษฐานให้ฟังว่าน่าจะเป็นคนธิเบตแน่หน้าตาแบบนี้ เวลานั้นมีลูกค้าพอสมควร ก็เลยนั่งรอสักครู่ใหญ่ ผู้หญิงเจ้าของร้านวัยกลางคน ก็มาถาม (แน่นอนภาษาอังกฤษค่ะ) เลยบอกไปว่ามาตัดผม (ขอทำความเข้าใจก่อนว่าประสบการณ์ ที่เมืองไทยเมื่อบอกว่ามาตัดผม ช่างจะทำอย่างไร บอกให้ลูกค้าไปนอนสระผมก่อนและหลังตัด สระด้วยแชมพู 2 ครั้ง และครีมนวด 1 ครั้ง) เมื่อได้เวลาช่างเรียกไปตัดผม ด้วยความเคยชินที่เมืองไทยเลยเกิดความสงสัยว่าทำไมไม่สระผมให้ก่อน ก็เลยบอกช่างว่าจะสระผม เค้าก็เลยเรียกอีกคนพาเราไปสระผม ทีนี้เจอปัญหาใหญ่เข้าแล้ว เพราะว่าร้านเสริมสวยแถวบ้านดิฉันไม่เคยมีอุปกรณ์ชนิดลูกค้านั่งให้สระ ก็เลยทุลักทุเลพอสมควร ช่างสระให้เพียงครั้งเดียว แล้วล้างเลยแถมล้างไม่สะอาดเพราะสังเกตว่ายังมีฟองอยู่เต็มเลยบริเวณท้ายทอย และที่สำคัญถูกล้างหน้าโดยปริยายเพราะน้ำไหลลงมาเปียกหน้า ส่วนคอเสื้อไม่ต้องถามเปียกไปหมด สระผมไม่มีการเช็ดผมให้ แต่ดิฉันต้องขอผ้ามาเช็ดหน้า แล้วก็เช็ดผมเอง
ทีนี้มาถึงตอนตัด จากที่ท่องไว้นานกลัวลืมเลยรีบบอกว่า very short และใช้มือประกอบการอธิบายปานกลางถึงมากที่สุดว่า ให้เลยหู ด้านหลังก็สั้นประมาณนี้ ช่างก็เก่งค่ะ ทำหน้าเหมือนเข้าใจเรา แต่เมื่อสังเกตไปขณะที่หล่อนตัดเหมือนจะใช้หวีไม่ถนัดเพราะหวีมันอันใหญ่เกินไปไม่เหมาะสมกับการใช้ตัดผมสักนิดเลย (เริ่มกลัวแล้วสิว่าจะได้ทรงผมทรงอะไรหว่า) ด้วยบุคลิกภาพส่วนตัวของดิฉันคือเป็นคนไม่ค่อยพูดและค่อนข้างเกรงใจไม่ติขณะที่ถูกตัดผม ดังนั้นเลยปล่อยให้ช่างตัดผมไปจนเสร็จคือใช้แป้งโรยที่คอและปัดผมออกจากเสื้อให้เรียบร้อยแล้ว ก็พบว่าไม่เห็นจะสั้นตรงไหนเลย แต่ก็ไม่ได้ต่อว่าช่างว่าอะไร ช่างมันเหอะแต่ก็อดเสียดายไม่ได้ว่าไม่ได้ทรงเดียวกับหมอเหมือนที่ผันไว้เลย แต่เพื่อนที่ไปด้วยไม่พอใจหลังจากนั่งมองอยู่นานก็เลยขอติช่างแทนเราโดยขอให้ช่างตัดให้สั้นขึ้นกว่านี้อีก โดยบอกว่า very very short ก็ไม่ได้พูดแตกต่างจากดิฉันตอนแรกเท่าไหร่ แค่มี very มากกว่าตัวเดียวเอง หลังจากนั้นช่างก็เริ่มลงมือเหมือนตัดผมใหม่เป็นครั้งที่ 2 เลย คือพรมน้ำที่ผมให้เปียกแล้วก็ตัดอีก ผลเป็นไงทราบมั้ยค่ะ ดิฉันรู้สึกเหมือนว่ากำลังจะเข้าไปรับราชการทหารเลย มองแล้วเหมือนผู้ชายอะไรจะขนาดนั้น ด้านหลังก็ทุย เป็นเส้นตรงเป๊ะ และสั้นมาก มองเป็นเหลี่ยมเลย ส่วนด้านข้างเหนือหู ก็เป็นเส้นตรง ไม่มีความอ่อนช้อย หรือเป็นรากไทรตามลักษณะของทรงผมผู้หญิงให้เห็นเลย ราคาเหรอค่ะจ่าย 2 เท่าที่หมอบอกค่ะ 180 รูปีย์ (สงสัยช่างคิดว่าตัด 2 หัว แน่เลย) ตัดผมสั้นตอนหน้าหนาว ก็เลยต้องใส่เสื้อคอเต่าปิดบังต้นคอไปพลาง ๆ จนกว่าผมจะยาว หรือถ้าหน้าหนาวผ่านไปก่อนแต่ผมยาวไม่ทันหน้าร้อนก็ค่อยมาคิดว่าจะแก้ไขยังไง ตั้งแต่คราวนั้นเลยตั้งใจไว้ว่า จะไม่ตัดผมที่อินเดียอีกเด็ดขาด ถ้าได้กลับไปเยี่ยมบ้านจะต้องเอากรรไกรตัดผมทุกชนิดมาตัดเองดีกว่า หรือไม่งั้นก็จะปล่อยยาวให้พะรุงพะรังไปเลย ทิ้ง concept เมื่อคราวอยู่เมืองไทยไปซะ เข็ดแล้ว ก็เลยได้คติพจน์ประจำใจจากเหตุการณ์นี้มาว่า “ ตัดผมผิด คิดจนผมยาว”
อยากรู้จัง ว่าใครเขียน บอกหน่อยได้มะเอ่ยยย
ร้อนเหมือนกันครับ ก็ประมาณ ๔๕ องศา แต่ก็พออยู่ได้คร๊าบบบบ