.

.
"สุขา สังฆัสสะ สามัคคี ความพร้อมเพรียงของหมู่คณะ ทำให้เกิดสุข"
ข่าวประชาสัมพันธ์



ขอประกาศเลิกอัฟเดทข้อมูลที่Blogแห่งนี้
สามารถเข้าไปใช้งาน website อย่างเป็นทางการได้ที่
http://www.tsa-bhu.org/


ข่าวเด่น

* ขอแสดงความยินดีแด่.. พระครูใบฎีกา ดร. มานิตย์ เขมคุตโต , พระมหา ดร. ธีรชัย ปุญฺญชีโว , พระ ดร. ราเชนทร์ วิสารโท ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกที่ B.H.U. ในปี ๒๕๕๓






* สมาคมพระนักศึกษาไทย มหาววิทยาลัยเมืองพาราณสี ร่วมใจกันลงอุโบสถ ที่วัดไทยสารนาถ พร้อมเจริญพระพุทธมนต์ ณ ธัมเมกขสถูป เนื่องในวันมาฆบูชา วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์





สมาคมพระนักศึกษา นักศึกษาไทย มหาวิทยาลัยเมืองพาราณสีได้ร่วมใจกันจัดงานประเพณีสงกรานต์ "๑๓ เมษา เสนคุปต้ามหาสงกรานต์" ประจำปี ๒๕๕๓ ณ หอเสนฯ โดยมีคณาจารย์ทางมหาลัย และต่างชาติเข้าร่วมนับร้อยชีวิต ในวันที่ ๑๓ เมษายน ที่ผ่านมา





* พระนักศึกษา นักศึกษาไทย มหาวิทยาลัยเมืองพาราณสี ร่วมใจกันจัดกิจกรรมพิเศษ เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ (๕ ธันวามหาราช) เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล





* ๕ ธันวามหาราช ขอเชิญร่วมถวายภัตตาหารเพลพระนักศึกษาไทย และนานาชาติ จำนวน ๘๒ รูป และร่วมจุดเทียนชัยถวายพระพรได้ที่ หอเสนคุปตลอล์จ ในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๒





* กฐินสังฆประชาสามัคคี ณ หอเสนคุปตาลอจ์ด มหาวิทยาลัยบาณารัส ฮินดู วันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๒ นำโดย พระธรรมวรนายก เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา


จัดสังฆทานอย่างไรให้ได้ประโยชน์


๏ สังฆทานคืออะไร
พจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุดคำวัด โดย พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ. 9 ราชบัณฑิต) วัดราชโอรสาราม กรุงเทพฯ ให้ความหมาย “สังฆทาน” ไว้ดังนี้
“สังฆทาน” คือ ทานที่ตั้งใจถวายแก่สงฆ์หรือผู้แทนของสงฆ์ ไม่จำเพาะเจาะจงรูปใดรูปหนึ่ง หากถวายโดยเจาะจง เรียกว่า ‘บุคลิกทาน’ ดังนั้น สังฆทานมีอานิสงส์มากกว่าบุคลิกทาน เพราะผู้ถวายมีจิตใจที่กว้างขวาง ไม่เจาะจงว่าจะเป็นภิกษุรูปใด เป็นการแสดงถึงความตั้งใจจะถวายด้วยศรัทธาอันเป็นสาธารณะ
ดังนั้น การทำบุญเลี้ยงพระในงานต่างๆ การไปทำบุญตักบาตรที่วัด การใส่บาตรพระที่เดินบิณฑบาต หากไม่จำเพาะเจาะจงพระรูปใดรูปหนึ่ง นับเป็นสังฆทานทั้งสิ้น
มีทานอีกรูปแบบหนึ่งที่คล้ายๆ สังฆทาน เป็นทานที่มีอาณาเขตกว้างขวางกว่าคือ ทานที่ให้แก่หมู่พวกที่ไม่เฉพาะกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่งเรียก สาธารณทาน เป็นทานที่ไม่จำกัดเฉพาะในรั้ววัด เป็นการให้ที่ไม่มีขอบเขต สังฆทานเป็นส่วนหนึ่งของสาธารณทานเช่นนั้น

๏ จัดสังฆทานให้ได้ประโยชน์
เดี๋ยวนี้เวลาพูดถึง “สังฆทาน” พวกเราจะนึกถึงถังสีเหลืองๆ ภายในบรรจุข้าวของเครื่องใช้เยอะแยะมากมาย จนล้นออกมาปากถัง แล้วมีพลาสติกใสหุ้มทับอีกที
แท้จริงแล้วของที่จะถวายหมู่พระสงฆ์โดยไม่เจาะจงที่เรียกว่า สังฆทาน นั้น คืออะไรก็ได้ที่เหมาะกับชีวิตสมณะ ไม่จำเป็นต้องเป็นถังเหลืองๆ ที่วางขายตามหน้าร้านสังฆภัณฑ์เสมอไป
ข้าวของเครื่องใช้ที่บรรจุมักเป็นของที่พระภิกษุเก็บไว้ใช้ในช่วงวันเข้าพรรษา (ประมาณ 3 เดือน) ส่วนมากก็จะเป็นของที่ใช้ดำรงชีวิตทั่วไปเหมือนเราๆ ท่านๆ นี่แหละ เช่น ผงซักฟอก, ยาสีฟัน, แปรงสีฟัน, สบู่, ยาสระผม เป็นต้น จะมีเพิ่มมาหน่อยก็จะเป็นผ้าอาบน้ำฝน สบงจีวรเครื่องนุ่งห่ม ที่พระภิกษุจะต้องมีไว้ใช้

ถ้าเราไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรไปถวายพระสงฆ์ดี เพราะฉะนั้นจึงต้องอาศัยเครื่องสังฆทานที่มีจำหน่ายตามร้านบรรจุให้สำเร็จรูป อีกทั้งการบรรจุกระป๋องก็ทำมาให้เรียบร้อยสวยงาม ซื้อปุ๊บก็ถือไปถวายปั๊บ เข้ากับยุคสมัยพอดี ไม่ต้องเสียเวลาไปซื้อหามาประกอบให้ลำบาก
ถึงเวลาที่ต้องมาทบทวนการทำสังฆทานกันเสียที สังฆทานที่ดีไม่จำเป็นต้องมีของถวายมากมาย ขอเพียงเป็นของที่จำเป็นและมีคุณภาพดีเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว และการเลือกซื้อของมาประกอบเป็นสังฆทานเอง จะได้ของดีมีคุณภาพกว่าการไปซื้อ “ถังเหลืองๆ” ตามร้านสังฆภัณฑ์ทั่วไป หากผ้าอาบน้ำฝนราคาผืนละ 60-80 บาท ราคาถังสังฆทานก็จะประมาณ 200-600 บาท แล้วแต่ของข้างในและขนาดถัง
“ถังเหลืองๆ” ที่มีวางขายตามร้านสังฆภัณฑ์นั้น บางร้านจะยัดหนังสือพิมพ์หรือกระดาษแข็งเข้าไว้เต็มกระป๋อง ส่วนที่เป็นสังฆทานหรือข้าวของเครื่องใช้จริงๆ จะถูกบรรจุไว้แถวขอบปากถัง เพื่อให้ดูว่ามีของใช้มากมายจนล้นปากถัง แล้วเอาพลาสติกใสหุ้มอีกทีเพื่อไม่ให้ของล้นจนหก แท้จริงแล้วมีของใช้ไม่กี่อย่างเท่านั้นเอง

๏ ข้าวของเครื่องใช้ที่ซื้อหามาจัดเป็นสังฆทานได้
- สบู่ จัดเป็นเครื่องประทินผิว แต่พระก็ใช้ได้เพื่อทำความสะอาดและระงับกลิ่นกาย
- ยาสีฟัน ชนิดผงหรือแบบหลอดก็ได้ ยาสีฟันสมุนไพรก็น่าสนใจ
- แปรงสีฟัน เลือกที่เป็นชนิดขนแปรงอ่อนๆ จะได้สบายเหงือก
- ยาสระผม เอาไว้ใช้เวลาโกนศีรษะจะได้โกนได้ง่ายขึ้น
- ใบมีดโกน เป็นของจำเป็นมาก เพื่อใช้โกนศีรษะ
- ผงซักฟอก ใช้ซักจีวรเพื่อความสะอาด
- เครื่องดื่มสมุนไพรพร้อมชง จำพวกขิงผง ชารางจืด มะตูม, นม UHT, น้ำผัก-น้ำผลไม้ 100 % , เครื่องดื่มผสมธัญพืช หรือจะเป็นเครื่องดื่มรสช็อกโกแลต ไมโลหรือโอวัลตินพร้อมดื่มก็ได้ ที่สำคัญอย่าลืมดูวันหมดอายุก่อนซื้อด้วย

- ผ้าอาบน้ำฝน เลือกที่เนื้อหนาๆ หรืออาจเลือกซื้อเป็นสบง (ผ้านุ่ง) หรือจะเป็นอังสะก็ได้ เพราะพระท่านมักจะมีผ้าอาบน้ำฝนอยู่มากแล้ว จะขาดแคลนก็คือสบงและอังสะ ถ้าถวายให้สามเณรก็จัดเหมือนพระเช่นกัน
- ถวายสังฆทานแม่ชี ก็เปลี่ยนจากผ้าเหลืองเป็นชุดแม่ชี ซึ่งหาซื้อได้จากวัดบวรนิเวศวิหาร, สถาบันแม่ชีไทย หรือร้านสังฆภัณฑ์ทั่วไป หากหาซื้อไม่ได้ก็เปลี่ยนเป็นผ้าขาวเนื้อดีตามร้านขนาด 2-4 เมตรแทน จากนั้นแม่ชีท่านจะนำไปตัดเย็บเป็นเสื้อ ผ้าถุง ผ้าครอง ตามสมควร
- ซีดีธรรมะ หนังสือธรรมะ หนังสือเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม หนังสือเกี่ยวกับสุขภาพ หรือหนังสือความรู้ต่างๆ ที่คิดว่าพระสงฆ์ควรรับรู้เพื่อนำไปบอกกล่าวแก่ญาติโยมได้
- ยาสมุนไพรต่างๆ รวมทั้งยาแผนปัจจุบัน เช่น พาราเซตามอล ยาแก้ปวดท้อง ท้องเสีย ยาลดกรด ในกระเพาะอาหาร แอลกอฮอล์ล้างแผล เบตาดีนสำหรับใส่แผลสด ยาบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และยาทาเมื่อถูกแมลงสัตว์กัดต่อย ฯลฯ
- เครื่องเขียน สมุด ปากกา ดินสอ รวมทั้ง ซองจดหมาย แสตมป์
- ไฟฉาย ถ่านไฟฉาย ซึ่งวัดตามชนบทและวัดป่าสิ่งนี้ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นมาก

- จาน ชาม ช้อน ส้อม อาจสอบถามดูว่าวัดนั้นๆ ต้องการจำนวนมากหรือไม่ จะได้จัดเป็นชุดใหญ่ถวายเป็นของสงฆ์ เพื่อให้ชาวบ้านหยิบยืมได้ด้วยในงานบุญประเพณีต่างๆ รวมทั้งเครื่องมืองานช่าง เช่น ค้อน ตะปู ไขควง หรืองานเกษตร เช่น จอบ เสียม พลั่ว และอุปกรณ์งานทำความสะอาด เช่น ไม้กวาดอ่อน ไม้กวาดแข็ง ถังขยะ ที่ตักผง ฯลฯ
- ร่ม สำหรับให้พระท่านได้ใช้ในช่วงฤดูฝน ควรหาซื้อสีที่เหมาะสม เช่น สีดำหรือสีน้ำตาล
- บาตร ควรหาซื้อบาตรที่มีความหนาพอสมควร เวลาที่ญาติโยมใส่ข้าวสุกร้อนๆ ลงไป มือท่านจะได้ไม่พอง ที่สำคัญไม่ควรมีน้ำหนักมาก เพราะท่านต้องใช้เดินบิณฑบาตเป็นระยะทางไกล
- ของอื่นๆ ที่มักนิยมใส่ก็มี กระดาษชำระ ข้าวสาร หัวหอม กระเทียม น้ำมันพืช น้ำตาล เกลือ น้ำปลา ฯลฯ ที่จัดว่าเป็นของแห้งเก็บไว้ได้นาน ของเหล่านี้ถ้าพระท่านใช้ไม่ทัน ท่านก็มักจะเก็บรวบรวมนำไปบริจาคต่างจังหวัดอีกที นับเป็นวงจรบุญไม่มีที่สิ้นสุด
จัดเรียงข้าวของที่ซื้อมาลงในภาชนะซักผ้าที่ซื้อมาต่างหาก อาจจะเป็นถังหรือกะละมังก็ได้ แล้วนำไปถวายได้ทันที

๏ ข้าวของบางอย่างที่ไม่ควรถวาย
- บุหรี่ กาแฟ สิ่งเสพติด เครื่องดื่มชูกำลังทุกประเภท
- ผลิตภัณฑ์อาหารที่บรรจุด้วยโฟม เพื่อหลีกเลี่ยงมลพิษทางสิ่งแวดล้อม
- อาหารกระป๋อง ผลไม้กระป๋อง เพราะเป็นอาหารที่มีสารกันบูด สารเคมี ไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพ ใส่เป็นผลไม้สดจะดีกว่า ถ้าในวัดมีครัวอาจซื้อผักสดเข้าครัวก็ได้
- ใบชาคุณภาพต่ำ พระไม่ค่อยได้ชงฉัน ควรเปลี่ยนเป็นเครื่องดื่มสมุนไพร ให้ประโยชน์กับสุขภาพมากกว่า
- กล่องสบู่ ปกติพระท่านมีอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องซื้อถวายอีก
- บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารบิณฑบาตในตอนเช้าเป็นอาหารสด และมีคุณค่ากว่า ไม่ควรส่งเสริมให้ท่านฉันอาหารที่มีคุณค่าน้อย
- น้ำอัดลมหรือน้ำที่ผ่านการปรุงแต่งกลิ่นและสี เช่น น้ำส้ม น้ำองุ่นที่แต่งกลิ่นและสี

๏ แสงสว่างไสวถึงชาติหน้า
เทียนและหลอดไฟ เป็นอีกอย่างหนึ่งที่เป็นของนิยมในการถวาย เพราะในสมัยก่อนพระสงฆ์ที่อยู่จำพรรษาในวัดต่างจังหวัดต้องใช้เทียนเพื่อเป็นแสงสว่างในวัด แต่ในปัจจุบันวัดในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดส่วนใหญ่ก็เปลี่ยนมาใช้ไฟฟ้ากันแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าหากเราจะเปลี่ยนมาถวายหลอดไฟนีออนกันบ้าง ราคาเทียนที่ถวายกันก็จะประมาณ 150-1,600 บาท แล้วแต่ว่ามีสลักลายหรือไม่มี ถ้าขนาดเดียวกันก็จะต่างกันประมาณ 100 บาท
ถ้าดูจากความหมายแล้วก็ไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่นัก เพราะนัยว่าจะทำให้ชีวิตของผู้ถวายรุ่งโรจน์สว่างไสวไปถึงภพหน้าชาติหน้า ยิ่งถ้าใครหนทางชีวิตมืดมิด ถือโอกาสดีช่วงเทศกาลเข้าพรรษานี้ถวายเทียนหรือหลอดไฟนีออนกันแก้เคล็ดสักหน่อย สาธุ !!!

ขอบคุณข้อมูลจาก: http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?p=66984

กราบ 5 ครั้ง ก่อนนอน


วันนี้จะขอเสนอไอเดีย กราบพระก่อนนอน ปกติก็มีมานานแล้วหละ เคยไหม ?? ที่นอนไม่หลับ เคยไหม ?? ที่นอนหลับฝันร้าย เคยไหม ?? ที่นอนหลับไม่สบาย หากคุณเจอปัญหานี้ เราขอเสนอ การกราบพระก่อนนอน ปัญหาเหล่านั้นจะหายไป เคยไหมที่ต้องไปนอนแปลกที่แปลกทาง ไปค้างคืนในสถานที่ที่เราไม่รู้จัก ที่สำคัญนอนคนเดียวซะด้วยสิ - -*

ธรรมชาติของมนุษย์มักจะกลัวในสิ่งที่มองไม่เห็น ในสิ่งที่พิสูจน์ได้ยาก และจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีที่พึ่งทางใจ เหมือนกับหากเราไปนอนอยู่กลางป่า และมีคนคอยดูแลระวังอันตรายให้เรา เราก็จะสามารถนอนหลับได้อย่างไม่กังวล ในทางกลับกันหากเรานอนอยู่คนเดียว จะเป็นไปได้ไหมที่จะนอนหลับสบาย การกราบพระก่อนอน ถือเป็นการสร้างกำลังใจให้ตัวเอง ผมนึกถึงบทสวดมนต์บทหนึ่งได้

อะภิวาทะนะสีลิสสะนิจจัง วุฑฒาปะจายิโน จัตตาโร ธัมมา วัฑฒันติ อายุวัณโณ
สุขัง พะลัง ฯ
ธรรมสี่ประการ ได้แก่อายุ วรรณะ สุขะ พละ ย่อมเจริญแก่บุคคลผู้มีปกติไหว้ กราบและบุคคลผู้อ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่เป้นนิจ

โดยความเข้าใจผมคือ คนที่มีความอ่อนนอมเป็นปกติ ย่อมได้ซึ่ง อายุ วรรณะ สุขะ พละ โดยความหมายคือคนที่มีปกติมีความอ่อนน้อม ก็คือ มีความอ่อนนอมเป็นนิสัย เป็นปกติ ไม่ได้มีความอ่อนน้อมเพราะเสแสร้ง เพื่อหวังผล ระดับจิตใจของผู้นั้นต้องอยู่ในระดับที่สูงพอสมควร คนประเภทนี้ย่อมมีธรรมมะประจำใจ คนที่อยู่ด้วยคุณธรรมอยู่ดี ๆ ก็คงไม่มีใครมาทำร้ายร่างกาย (ถูกตีหัว หุหุ) ผิดกับคนพาลที่ต้องระวังตัวตลอด(อาจจะถูกดักตี) อายุยืน เพราะไม่มีคนมาฆ่า วรรณะผิวพรรณดี เพราะสุขภาพจิตดี ตลอดจนถึง สุขภาพ และ กำลัง และนี่ก็คือผลอีกผลหนึ่งที่เราได้จากการกราบพระก่อนนอน เป็นการผึกจิตใจเราให้อ่อนน้อมโดยอัตโนมัติ(Automatically หึหึ)

เริ่มออกไปไกลหละ งั้นมาดูสาระสำคัญกันดีกว่า เพื่อแสดงถึงความกตัญญูรู้คุณ ต่อผู้มีพระคุณ 5 ระดับดังนี้

1. ไหว้เพื่อนมัสการพระอรหันตัสมาสัมพุทธเจ้า กล่าวว่า "อะระหังสัมมา สัมพุทโธ ภะคะวา พุทธังภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ" กราบ(พุทโธ เม นาโถ พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งของข้าพเจ้า)
2. ไหว้พระธรรม กล่าวว่า"สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ" กราบ(ธัมโม เม นาโถ พระธรรมเป็นที่พึ่งของข้าพเจ้า)
3. ไหว้พระสงฆ์สาวก กล่าวว่า"สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ" กราบ(สังโฆ เม นาโถ พระสงฆ์เป็นที่พึ่งของข้าพเจ้า)
4. ไหว้คุณบิดามารดา กล่าวว่า"มัยหัง มาตาปิตูนังวะปาเท วันทามิ สาทะรัง" กราบ(ขอกราบแทบเท้าพระบิดามารดา ผู้มีพระคุณอันสูงสุด)
5. ไหว้ครูอาจารย์ กล่าวว่า"ปัญญาวุฑฒิกะเร เต เต ทินโน วาเท นะมามิหัง" กราบ(ขอกราบขอบคุณครูบาอาจารย์ พ่อแม่คนที่สองผู้มีพระคุณอันสูงยิ่ง)

ทำบุญวันเกิด

เมื่อปี 2009 ที่ผ่านมีกระแส ทำบุญวันเกิด กันอย่างแพร่หลาย แรก ๆ ผมก็งง เหมือนกันว่าอะไรกัน มาฮิตทำบุญวันเกิดอะไรกันจัง สุดท้ายก็ต้องไปค้นดูกะเขามั่ง ก็เลยเข้าใจว่ามันเป็นการทำ SEO นี่เอง แต่บอร์ดของเรายังไม่มีเลย ถึงจะช้าไปหน่อย ก็ขอตามกระแสก็แล้วกัน เพราะเป็นไอเดียที่ดีมาก ๆ ตอนนี้ปี 2010 บางเวปบอร์ดก็ยังเก็บบทความ ทำบุญวันเกิด ไว้อยู่เลย เลยขอคัดลอกมาซะเลย ^^

การทำบุญวันเกิด

ความเป็นมาอันประเพณีที่จะ ทำบุญวันเกิด ขึ้นนี้เนื่องจาก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงทำเป็นตัวอย่างตั้งแต่ยังทรงผนวช ไม่ใช่ทำอย่างจีนหรือฝรั่ง ด้วยทรงพระราชดำริเห็นว่าการมีอายุยืนมาบรรจบรอบปีครั้งหนึ่งๆ ไม่ตายไปเสียก่อนเป็นลาภอันประเสริฐ ควรยินดี เมื่อรู้สึกยินดีก็ควรจะบำเพ็ญกุศล ที่เป็นประโยชน์แก่ตนและแก่

ผู้อื่น ให้สมกับที่มีน้ำใจยินดี และไม่ประมาท เพราะไม่สามารถจะรู้ได้ว่าจะอยู่ไปบรรจบรอบปีเช่นนี้อีกหรือไม่ ถึงวันเกิดปีหนึ่งเป็นที่เตือนใจครั้งหนึ่ง ให้รู้สึกว่าอายุล่วงไปต่อความตายอีกก้าวหนึ่งชั้นหนึ่ง เมื่อรู้สึกเช่นนั้น จะได้บรรเทาความมัวเมาประมาทในชีวิตเสียได้ นี้เป็นพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งเป็นสาเหตุให้มีการทำบุญวันเกิดขึ้นเรียกว่า เฉลิมพระชนมพรรษา

การที่ทรงทำในครั้งนั้นปรากฏว่ามีการสวดมนต์เลี้ยงพระ ๑๐ รูป เป็นการน้อยๆ เงียบๆ ครั้นต่อมาก็มีเจ้านายขุนนางทำบุญวันเกิดกันชุกชุมขึ้น แต่การทำบุญเกี่ยวกับพระลดลง เป็นแค่ประชุมคนแสดงเกียรติยศให้ปรากฏว่ามีผู้นับถึอมาก ตั้งโรงครัวเลี้ยงกันไปวันยังค่ำการมหรสพก็มีละครเป็นพื้น และนำของขวัญไปให้กันมีการเลี้ยงดูกันอย่างสนุกสนานให้ศีลให้พรกัน ถ้าเป็นวันเกิดเจ้านายขุนนางชั้นผู้ใหญ่ พระเจ้าแผ่นดินก็พระราชทานพระราชหัตถเลขาให้พรด้วย พระราชทานของขวัญด้วย สมัยนั้นการทำบุญถือเป็นเกียรติใหญ่ เมื่อถึงวันเกิดของใครก็อึงคนึงเป็นการใหญ่ตั้งแต่เริ่มงานจนงานแล้ว และถือว่าถ้าไม่ไปช่วยงานวันเกิดกันแล้วเป็นไม่ดูผีกันทีเดียว

สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อทรงผนวชเป็นสามเณรก็ทรงทำบุญวันพระราชสมภพ ตามอย่างพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว วิธีทำก็มี สวดมนต์ เลี้ยงพระและแจกสลากสิ่งของต่างๆ แก่พระสงฆ์ ทรงทำตลอดมาจนกระทั่งเสวยราชย์และทำเป็นการใหญ่เช่น หล่อพระพุทธรูปอายุ เรียกว่า “หล่อพระชนมพรรษา” ทั้งมีการตกแต่งตามชาลาพระบรมมหาราชวัง ให้เป็นการครึกครื้นสนุกสนาน ตามริมน้ำและตามถนนก็สว่างไสวไปด้วยแสงประทีปโคมชวาลา จึงได้เกิดมีการแต่งซุ้มไฟประกวดประขันกันขึ้นและมีเหรียญพระราชทานแก่ผู้แต่งซุ้มไฟเป็นรางวัล อนึ่งในวันนั้นได้มีผู้ไปลงนามถวายพระพร พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชการอ่านคำถวายพระพรอันเป็นเครื่องหมายแสดงความจงรักภักดี จึงถือเป็นประเพณีเนื่องด้วยทำบุญวันเกิดมาจนปัจจุบันนี้

วิธีปฏิบัติในการทำบุญวันเกิด

วิธีปฏิบัติ ในการทำบุญวันเกิดอาจเลือกปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างก็ได้ ดังนี้


๑. ตักบาตรพระสงฆ์เท่าอายุหรือเกินอายุหรือกี่รูปก็ได้ตามสะดวก
๒. บำเพ็ญกุศลอุทิศแก่บรรพบุรุษ ที่เรียกว่า ทักษิณานุประทานก่อนแล้วจึงบำเพ็ญกุศลเนื่องในวันเกิด
๓. ทำบุญ สวดมนต์ เลี้ยงพระ หรือมีพระธรรมเทศนาด้วย
๔. ถวายสังฆทาน
๕. ทำทานช่วยชีวิตสัตว์ เช่นปล่อยนก ปล่อยปลา ฯลฯ หรือส่งเงินไปบำรุงโรงพยาบาลหรือกิจกรรมด้านสังคมสงเคราะห์อื่นๆ
๖. รักษาศีลหรือบำเพ็ญภาวนา
๗. กราบขอรับพรจากพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย หรือผู้ที่ตนเคารพนับถือ
๘. บำเพ็ญคุณประโยชน์อื่นๆ โดยมุ่งที่การให้ มากกว่า เป็นการรั

อานิสงส์หรือผลดีของการทำบุญวันเกิด

การทำบุญวันเกิด คือการปรารภวันเกิดและทำความดีในวันนั้นเป็นเหตุให้ได้รับผลดีหรืออานิสงส์ตอบแทน ดังมีพุทธภาษิตความว่า “ผู้ให้อาหาร ชื่อว่า ให้กำลัง ผู้ให้ผ้า ชื่อว่า ให้ผิวพรรณ ผู้ให้ยาน ชื่อว่า ให้ความสุข ผู้ให้ประทีป ชื่อว่า ให้ดวงตา” (พระไตรปิฏก เล่มที่ ๑๕ ข้อ ๑๓๘ หน้า ๔๔ ) และพระพุทธภาษิต ความว่า “ผู้ให้สิ่งที่น่าพอใจ ย่อมได้สิ่งที่น่าพอใจ ผู้ให้สิ่งที่เลิศ ย่อมได้สิ่งที่เลิศ ผู้ให้สิ่งประเสริฐ ย่อมได้สิ่งที่ประเสริฐ ผู้ให้สิ่งที่ประเสริฐสุด ย่อมได้สิ่งที่ประเสริฐสุด “ (พระไตรปิฏก เล่มที่ ๒๒ ข้อ ๔๔ หน้า ๖๖)

ข้อเสนอแนะในการทำบุญวันเกิด

๑. กิจกรรมในการทำบุญวันเกิดควรเน้นคุณค่าทางจิตใจมากกว่าวัตถุ เช่นทำจิตใจให้สงบแจ่มใสและทำบุญตามศรัทธา
๒. ควรเป็นกิจกรรมที่มุ่งบำเพ็ญประโยชน์แก่ผู้อื่นหรือส่วนรวม เช่นการบริจาคทาน สมทบทุนเพื่อสาธารณประโยชน์ ใช้แรงงานของตนเองเพื่อส่วนรวม
๓. ควรมุ่งเน้นให้เป็นการประหยัด จัดงานวันเกิดในวงครอบครัวไม่ควรจัดหรูหราฟุ่มเฟือย
๔. ควรอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ไม่จำเป็นต้องจัดแบบต่างประเทศ เช่นตัดเค้กวันเกิดจุดเทียน หรือเป่าเทียน ร้องเพลงภาษาต่างประเทศอวยพรวันเกิด ฯลฯ
๕. ในกรณีที่ผู้น้อยไปรดน้ำอวยพรวันเกิดผู้ใหญ่ นิยมอ้างคุณพระศรีรัตนตรัยก่อนแล้วจึงมีคำอวยพร ส่วนของขวัญที่จะให้นั้น ควรทำด้วยน้ำพักน้ำแรงหรือของที่ประดิษฐ์ด้วยฝีมือตนเอง ถ้าเป็นดอกไม้ควรเป็นดอกไม้ที่ปลูกในประเทศไทย กรณีที่ผู้ใหญ่อวยพรวันเกิดผู้น้อย ผุ้ใหญ่ควรกล่าวถ้อยคำอันเป็นมงคลแก่ผู้รับพร

ทำบุญอายุ
การทำบุญอายุ มักนิยมทำกัน เมื่ออายุ ๒๕ ปี ซึ่งเรียกว่าเบญจเพสแผลงมาจาก ปัญจวีสะ คำว่าเบญจเพส ก็แปลว่า ๒๕ นั่นเอง ถือกันว่าตอนนี้เป็นตอนสำคัญ เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่จะย่างขึ้นสู่สภาวะผู้ใหญ่ ตั้งตนให้เป็นหลักเป็นฐาน ถ้าดีก็ดีกันในตอ นนี้ ถ้าเอาดีไม่ได้ก็อาจจะเสียคน ด้วยเหตุนี้จึงมีการทำบุญเมื่ออายุ ๒๕ ปีเพื่อส่งให้เจริญงอกงามต่อไป ต่อจากนั้นก็ทำเมื่ออายุ ๕๐ หรือ ๖๐ ปีอีกครั้งหนึ่ง เพราะถือกันว่าตอนนิอายุย่างเข้ากึ่งหนึ่งของศตวรรษแล้ว และเจริญมากถึงที่สุดแล้ว ต่อไปร่างกายก็มีแต่จะทรุดโทรมลงทุกวัน การทำบุญที่อายุปูนนี้จึงเป็นการทำโดยไม่ประมาท ร่างกายเสื่อมลงไปๆ จึงควรทำบุญไว้ เพื่อเป็นประกันในเมื่อจวนจะหมดลมจะได้นึกว่าทำดีไว้มากแล้ว ถึงตายก็ตายอย่างสงบ อนึ่งการทำบุญอายุนี้ บางทีทำกันเมื่อมีอายุครบ ๒ รอบ ๓ รอบ ๔ รอบ ไปจนถึง ๕ -๖ รอบฯลฯ รอบหนึ่งมี ๑๒ ปีถ้าบรรจบปีเกิดในรอบไหนก็ทำในรอบนั้น วิธีปฏิบัติ อานิสงส์ผลดีหรือข้อเสนอแนะ เช่นเดียวกับการทำบุญวันเกิด


ขอขอบคุณข้อมูลจาก สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม

วิธีเอาชนะอุปสรรคในชีวิต


๑.มีความฝันและจินตนาการที่ดีเข้าไว้ ชีวิตถ้าขาดความฝันก็แห้งแล้ง เราต้องฝันว่า เรามีหนทางชนะอุปสรรค ความฝันที่ดีเหล่านี้จะทำให้เราเกิดกำลังใจ และอยากทำกิจกรรมอื่น ๆ ต่อไป

๒.คิดว่าทุกอย่างมีความเป็นไปได้ พุทธศาสนาสอนว่า ทุกอย่างในโลกนี้มันเป็นอนิจจัง คือไม่แน่นอน ฉะนั้นความเป็นไปไม่ได้ ชีวิตคุณมีโอกาสเป็นไปได้ทั้งนั้นจงเลิกพูดของคนที่เกิดมาเพื่อจะแพ้ และแพ้ตั้งแต่ก่อนจะเริ่มลงมือทำเสียอีก

๓.อย่าคิดถึงปมด้วยของตัวเอง เพราะการนึกถึงปมด้วยของตัวเอง จะเป็นตัวฉุดให้คุณ หยุดทำกิจกรรมที่สร้างสรร คุณจะขาดความกล้าหาญ ขาดพลังจงคิดว่าปมด้วยเป็นความปกติของชีวิตเราไม่ได้ แตกต่างและไม่ได้ด้อยกว่าใครๆ ไม่เป็นคนสมบูรณ์แบบหรอก และไม่มีใครที่ไม่มีความบกพร่องเลยเช่นกัน

๔.ปลุกความกล้าให้เกิดขึ้นเสมอ จงลดความกลัวเหตุการณ์หรือผู้คนต่างๆ เสีย แล้ว บอกกับตัวเองว่าคุณเป็นคนกล้าหาญ จงหัดปฏิเสธความกลัวบ่อยๆและบอกกับตัวเองว่าคุณกล้ามากขึ้นๆ ความกลัวต่างๆ จะจางไปจากตัวคุณเอง

๕.มองจุดดีหรือจุดเด่นของตัวเองให้พบและเลิกดูถูกตัวเองเสียที คนเรามีทั้งดีและ ไม่ดีถ้าคุณคอยจับผิดตัวเอง มองแต่สิ่งที่คิดว่าไม่ดี คุณก็จะมองเห็น

๖.มีความรักเพื่อนมนุษย์ให้มากขึ้น ให้ลดความเกลียดชังหรือความโกรธเพื่อนมนุษย์ เพราะถ้าคุณยิ่งเกลียดและโกรธเท่ากับคุณสร้างศัตรูทุกวันๆและมากขึ้นๆ ตามจำนวนความเกลียดและความโกรธของคุณถ้าคุณเข้าใจและยอมรับในความบกพร่องของเพื่อนมนุษย์ที่มีสาเหตุมาจากสันดานดิบ ของแต่ละคนที่หลงเหลืออยู่ ร่วมกับความไม่รู้ของแต่ละคน ซึ่งมีกันทุกคน คุณก็จะโกรธเขาน้อยลง และจะยอมรับเขาได้มากขึ้นว่า เขาจะมีความทุกข์จากสิ่งบกพร่องของเขานั่นเอง อย่าให้ความบกพร่องของเขามาทำลายความสุขของชีวิตคุณเลย เราจะให้อภัยเขาได้ เพราะเข้าใจถึงความบกพร่องของเขาได้แล้ว แค่นี้ ก็ถื่อว่าคุณมีความรักให้เพื่อนมนุษย์ได้มากขึ้นแล้ว

๗.มีทัศนคติที่ดีต่อโลกและชีวิต อย่ามองโลกในแง่ความจริงทั้งหมด เพราะชีวิตจะแห้งแล้ง จงมีความเชื่อที่ดี จงมีความหวังที่ดี และจงมีความรักที่ดี ทั้ง ๓ ตัวนี้จะทำให้คุณมีทัศนคติที่ดีต่อชีวิต ทั้งของตัวเองและคนอื่น จะทำให้อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป

๘.ถ่อมตน อย่าหยิ่งหรือจองหอง ความถ่อมตนจะทำให้เกิดสติปัญญา ความถ่อมตนจะ ทำให้เราไม่เหลิงถ้าเราเป็นผู้ชนะ และความถ่อมตนจะทำให้เราไม่เจ็บปวดมากถ้าเราเป็นผู้แพ้

๙.หมั่นศึกษาและเลียนแบบ บุคคลที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ในรูปแบบต่าง ๆ ทั้ง โดยการอ่าน การฟัง หรือ การไต่ถาม ประสบการณ์ชีวิตของคนเหล่านี้ถูกถ่ายทอดออกมามากมาย ถ้าเราได้ศึกษา เราจะเกิดกำลังใจและอยากเลียนแบบอย่าง

ถ้าคุณมีแนวคิดดังที่กล่าวมาแล้วนี้ และเริ่มลงมือปฏิบัติตาม อุปสรรคทั้งหลายในชีวิตก็จะ น้อยลงเพราะคุณจะเกิดพลัง กำลังใจ สติ ปัญญา ความกล้าหาญ และกล้าลงมือกระทำสิ่งที่สร้างสรร มีความเชื่อ ความหวังที่ดีในชีวิตมากขึ้น ศัตรูก็น้อยลง มีมิตรมากขึ้น ชีวิตมีความสุขและความสำเร็จมากขึ้น แม้บางครั้งถ้าเราไม่สามารถเอาชนะอุปสรรคได้จริงๆ แต่เราก็จะมองข้ามไปและรอคอย โอกาสใหม่ด้วยจิตใจที่มองโลกในแง่ดี ไม่ทุกข์ร้อนกับสิ่งที่ผิดหวังจริงๆมากมายนัก พร้อมจะเกิดกำลังใจใหม่และมีพลังเริ่มชีวิตใหม่ ซึ่งเท่ากับคุณเป็นผู้ชนะอุปสรรคนั้นนั่นเอง

 

ผู้ติดตาม

ออนไลน์หน้านี้

free counters